ฤดูใบไม้ร่วงกับ IUPUI ของฮิปโป

December 10, 2009 4 comments
ถ่ายไว้เมื่อ พฤษจิกายน 2005


 

ยามเย็นๆ อากาศเย็นๆ แสงนวลๆ ก้อได้เวลาออกทัวร์ชมใบไม้ร่วงกันนะคร้าบ

เริ่มกันที่ห้องนอนของผมเอง
นอนอยู่ห้องกลาง ไม่มีกำแพงปิด ไม่มีประตูกั้น ใครเข้ามาก้อเห็นกันจ่ะๆ อย่ามาแอบดูน๊า
ก้อไม่มีอะไรมากฮะ ผ้าห่มสีแดงจี๊ดจ๊าด กะ หมอนนุ่มน่านอน เอิ้ว

พอหันไปอีกด้านนึง ก้อนั่นล่ะคับ
เจอคนจ๊ะเอ๋ ยิ้มแฉ่งหน้าบาน
เป็นห้องอาหาร ที่อ่านหนังสือ ดูทีวี ห้องเดียวกันกะห้องนอน

เดินออกมาข้างนอกที่บันไดตัวตึกแล้ว

ข้างหน้าหอฮะ

อ้าส์~~อากาศสดชื่น

ทางเดินไปโรงเรียนฮะ

เจอคุณลุงกะลงชมวิวอยู่พอดี

นี่ไง ตึกวิศวะ ต้องเข้าๆออกๆอยู่ตึกนี่แหละ ไม่ได้ไปไหนเลย

มองไปทางขวาก้อแลเห็น ห้องสมุดที่คนที่นี่แสนจะภูมิใจ ตั้งตระหง่านอยู่

ใบไม้ร่วงของจริง ไม่ได้โม้นะ

กลับมาที่ด้านหลังก้องสมุดแระ

มองตรงไปเจอตึกอีทีฮะ (ตึกมนุษย์ต่างดาว)

อ่า…มีพีระมิดด้วยแฮะ ที่นี่มันที่ไหนกันเนี้ย

โอ้วแล้วนั่นมันเสาอะไรน่ะ
มันเอาไว้ทำอะไรเหรอ?? โอ้ว ชั้นเกิดมาเพื่อสี่งนี้
แต่ว่าตรงพื้นที่โล่งตรงนี้เป็นที่ที่เค้ามักจจะจัดกิจกรรมกันนะ

ตรงนี้เค้ากะลังก่อสร้างตึกใหม่ สำหรับอาจารย์น่ะครับ
ผมคงอยู่ไม่ทันเสร็จ

เย็นวันศุกร์ยังขยันขันแข็งอยู่เลย

เดินกันต่อ

หืมม์ใบไม้แห้งจนเป็นสีชมพูเลยแฮะ

อันนี้เป็นโรงบาล ไม่น่าเข้าเลยง่ะ
ดูเก่าๆ

อันนี้เป็นรังตำรวจ อย่าเข้าใกล้เขียว

แถวนี้เป็นถิ่นของสาวๆพยาบาลเค้า
เนิสซิ่งสกูล
สวย… ตึกสวยน่ะ

โหเหะ มีรถไฟฟ้าในมหาลัยด้วยเหรอ
ผมยังไม่เคยขึ้นไปนั่งเลย
รอรอเมื่อไหร่จะมา

อ้ะมาแล้วๆๆ

ฟิ้วว

ในที่สุดก้อกลับมาที่ข้างหน้าหออีกครั้ง
ผมเดินเป็นวงกลม..

รูปสุดท้ายแย้ว

พอฤดูหนาวย่างเข้ามา ใบไม้ก้อร่วงโรย
ที่ผืนนี้จะปกคลุมไปด้วยสีขาว
ใกล้จะปีใหม่แล้วสิเนอะ

Categories: Hippo's Journal

Hippo in US – ฮิปโปไดอารี่ 2 ต้อนรับปีไก่

July 4, 2009 3 comments
สวัสดีค้าบ

วันนี้ก้อขึ้นปีใหม่แล้ว วันที่ 2 มกราคม 2005 ฮะ
ก้อผ่านพ้นเวลามาประมาณสองเดือนกว่าจากการสอบกลางภาคครั้งที่แล้ว
จาก Fall ก้อมาเป็น Winter
จากหญ้าเขียวใบไม้เหลือง ก้อมาเป็นพื้นขาวต้นไม้โกร๋น
จากช่วงเวลาอันยากลำบากของการสอบปลายภาค เป็นช่วงเวลาพักผ่อนและความเงียบเหงา
จากความหนาวของหิมะที่ปกคลุมไปทั่ว เป็นการละลายของหิมะและการลงของเมฆหมอก
จากค่ำคืนของปี 2004 เป็นเช้าวันใหม่ของคริสต์ศักราชใหม่ 2005
สวัสดีปีใหม่ปีไก่ใหญ่กว่าเดิม จ้า

ย้อนไปเมื่อสองเดือนก่อน…

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2004
วันนี้เป็นวันที่รู้ชะตาแนวโน้มเกรดการเรียน ที่จะบอกได้ว่าอนาคตจะล่มจมหรือรุ่งโรจน์
ใช่แล้วคับวันนี้ เป็นวันที่บอกคะแนนสอบย่อยสองวิชา เป็นวิชาสำคัญซะด้วย
วิชาแรก Advanced C Programming ได้
99 จาก 100 จ๊าก!! อนาคตสดใสอนาคตออเร้นจ์
ไม่น่าเชื่อเป็นไปได้ไง ไม่ได้ไปบนศาลเจ้าไว้ที่ไหน เมืองนอกไม่มี
โบสท์ก้อไม่ได้เข้า เหอเหอเหอ
จำได้ว่าตอนทำข้อสอบ
มั่วไปหลายข้อ แต่ดันถูกหมด (ข้อสอบอัตนัย)  
ข้อที่ไม่มั่วกลายเป็นข้อที่เสียคะแนนไปแทน
ฮ่วย ข่อยเสียดาย
อีกนิดเดียวก้อได้ร้อยเต็มแร้ว
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง หน้าบานไม่ทันหุบ
ก้อต้องหน้าจ๋อย เมื่อเจอคะแนนวิชา Digital Logic Design เพราะได้คะแนน
14.5 เต็ม 24
ดูเผินๆเหมือนคะแนนจะดี แต่มันตกมีนครับ
ถ้ามีนคือซี ต่ำกว่ามีนล่ะเป็นอะไร ปอก้อลองนั่งคิดดู
เอาน่า ยังมีสอบอีกหลายครั้ง
ปลอบใจตัวเองไปก่อน
แต่ดีไม่ดีอาจจะเอฟก้อได้นะ ฮือๆๆๆ

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2004
พักจากการสอบย่อยที่คร่ำเครียด ด้วยอาหารเริศหรู
เพราะว่าวันนี้มี Halloween party ฮิ้ววว
รุ่นพี่คนไทยที่มาอยู่ที่นี่เค้าจัดปาร์ตี้เลี้ยงกัน
ที่จริงก้อไม่รู้เรื่องอะไรหรอก อยู่เมืองนอกไม่รู้ว่าเค้ามีอะไรกันมั่ง
เขาให้ไปไหนก้อปาย
แบบว่าอยู่หออะนะ คงไม่มีเด็กที่ไหนมาเคาะห้อง ร้องทริกออร์ทรีทหรอก
ทีนี้จะไปงานนี้ได้ก้อต้องแต่งชุดแฟนซีไป
ไอ้เราก้อมาอยู่ใหม่ ชุดเชิ้ดอะไรก้อไม่ค่อยจะมี
นับเป็นปัญหาที่ขบคิดได้ไม่ตกจริงๆ
แต่งชุดอะไรดีน๊า
นึกถึงผีก้อต้อง
กระหัง เอ่อคงไม่เหมาะกะหน้าตาอย่างเรา
กุมารทองล่ะ ไอ้เราก้อเกินวัยซะแล้ว
หรือจะเป็น ผีไม้เสียบลูกชิ้นดี ส่วนสูงกะรูปร่างก้อใช้ได้ อืมมม
สุดท้ายพี่เค้าบอกไม่ต้องแต่งผีก้อได้ แต่งแบบแฟนซีๆก้อพอ อ๋อ โธ่เอ้ยย
พี่เค้าก้อพาไปซื้อชุดอุปกรณ์ ก้อปิ้งไอเดียขึ้นมา
เนื่องจาก อุปกรณ์ราคาถูก + ความง่าย
ก้อเลยได้มาเป็น บรู้ซ ลี ไอ้หนุ่มกังฟู

วันพฤหัสที่ 4 พฤศจิกายน 2004
ผ่านมาสี่วันก้อมีงานมาอีก
คราวนี้เป็นแร็บคอนเสิร์ต จัดใกล้ๆกะมหาลัย
แต่ทว่า
พลาดท่า อดไปคับ แบบว่ากะเวลาผิดเลยไปไม่ทัน
วางแผนไว้ว่าจะไปซื้อของช้อปปิ้งก่อน ไปกับพี่ต็อบ(รุ่นพี่ที่เรียนอยู่ที่นี่)
เวลาไปไหนมาไหนก้อต้องติดรถคนอื่นไปน่ะคับ รถเมล์อะไรไม่ค่อยมี
ช้อปเพลินเลยเวลาที่วางแผนไว้หน่อยไม่เป็นไร
แต่ดันลืมกุญแจไว้ในรถอีก
อ้าว ซวยเลยทีนี้
เดินมาหลังจากซื้อข้าวปลาอาหารเสร็จ เปิดท้ายรถ
เห็นท้ายรถ รกไปหน่อยแฮะ จัดจัดจัด
เอาข้าวของที่ซื้อมา ใส่เข้าไปจัดว่างให้เรียบร้อย
ปึง.. ปิดท้ายรถ
"เอ้ยยยย กุญแจอยู่ไหน" พี่ต๊อบร้องโวยวาย
"อย่าเล่นมุขดิพี่" ปอพูดเหมือนไม่เชื่อ

ไม่มีใครเปิดประตูรถได้คับ
สุดท้ายเลยต้องนั่งรถคนอื่น ให้ไปส่งที่บ้าน เพราะมีกุญแจสำรองอยู่
แล้วก้อกลับมาไขรถอีกที
เลยอดไปแร็บโย่กะเขาด้วยเหตุนี้แล
อะ ไหนๆก้อไหนๆ ก้อไปช้อปปิ้งกันต่อดีกว่า วี้ดวิ้ว

มาทีนี้รู้สึกไม่ค่อยดี เพราะไม่ค่อยได้ไปงานหรือทำกิจกรรมเท่าไหร่
เนื่องด้วยการบ้านกองบานตะไทแล้วไหนจะความขี้เกียจอีก ทำให้พลาดโอกาสไปหลายงาน
อย่างเช่น มีการสอนวิธีกินอาหารแบบหรูหรา ที่แบบ มีช้อนส้อมอย่างละไม่ต่ำกว่าสามอัน
กินไล่จากนอกมาในมีซุปสลัด อะไรเทือกนั้น อันนี้ไม่ได้ไป
ช่วงฮาโลวีนก้อมีไปรวมตัว ทำการแกะสลักฟักทองกัน ทั้งคว้านทั้งเจาะ
ท่าทางน่าสนุก อย่างตัดม้าาง ก้อไม่ได้ไป
อีกอันเป็นการแข่งขันบาสเก็ตบอล แต่ไม่ใช่เอ็นบีเอนะ จัดในมหาลัย
น่าไปดูเหมือนกัน ไม่รู้เป็นไง
จะไปอยู่แล้วเชียว แต่ป๋มลืมวันลืมคืน เลยอดไป
ที่สำคัญที่สุด งานกินฟรี อีกหลายต่อหลายงาน ชวดหมด เฮ้อ
ไม่งั้นก้อคงจะมีเรื่อง ไปเล่าให้ลูกให้หลานฟังอย่างคนอื่นเค้ามั่ง
ว้าาาา

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2004
ฮ่ะฮ่า ที่ไปซื้อของช้อปปิ้งก้อเพราะว่าวันนี้มีงาน Thai Culture Hour นั่นเอง
แปลลวกๆว่า ชั่วโมงวัฒนธรรมไทย นะฮะ
เป็นงานแนะนำว่าประเทศไทยว่าเป็นไง มีอะไรน่าสนใจบ้าง
แน่นอนว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคืออาหารไทย
ฉะนั้นคนไทยก้อมาช่วยทำอาหารกันที่ห้องผมเอง
เมนูอาหารก้อน่าสนใจมาก ทั้งยำวุ้นเส้นกะกุ้ง ข้าวเหนียว น้ำตกเนื้อ แกงเขียวหวานไก่
มีเส้นขนมจีนด้วย ดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
เครื่องดื่มเป็นชาเย็นใส่นม ตบท้ายด้วยของหวาน สลิ่มใส่ผลไม้และน้ำกะทิ หวานมันๆ
อู๊ยยย น้ำลายส่อ ไม่ได้กินแบบนี้มานาน
ไม่น่าเชื่อฝรั่งถึงกับน้ำมูกน้ำตาไหลปลื้มปิติกับความอร่อยของอาหารไทย
ใช้กระดาษทิชชู่กันแทบไม่พอเลยทีเดียว
หะ อะไรนะ ไม่อร่อยเหรอ อ่อที่แท้มันเผ็ดไป
นี่ขนาดลองชิมดูก่อนแล้วนะ แบบว่าใส่พริกน้อยสุดๆ ใส่น้ำเบิ้ลไปไม่รู้เท่าไหร่
อิอิอิ

ก้อเสร็จงานเป็นที่สนุกสนานกันไป ทิ้งไว้ก้อแต่อาหารเหลือเพียบ(เผ็ดไป)
ที่แย่กว่านั้นคือ ต้องล้างจานชามเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องครัวด้วยนะสิ
อ๋อยยย เพราะว่าตอนเค้าทำอาหารกัน ผมไม่ได้ทำด้วย ทำอาหารไม่เป็น
ได้แต่ดูเค้าทำกัน ผมก้อเลยต้องมายืนล้างจานหัวโตเรย
ตอนล้างจานเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย
กำลังล้างจานอยู่ คนอื่นเค้าดีดกีต้าร์ร้องเพลงกัน
ปอก้อฟิตร้องเพลงไปด้วย
ตอนล้างช้อนชามส้อมถาดก้อปกติดี ยืนขัดถูๆไป
แต่พอล้างมีด เกิดคึกขึ้นมาร้องเพลงฮาร์ตคอร์
โดนมีดบาดเลยคับ
เรียกว่าได้จังหวะดีทุกอย่าง ทำไมต้องเป็นตอนล้างมีดด้วยน๊า
ซึมไปเลย..
เขาเลยให้มานั่งพัก ไม่ต้องล้างจาน
หึหึ ที่จริงเป็นแผนขี้เกียจล้างจาน
ล้อเล่นน่ะ อุบติเหตุจริงๆ
หายซ่าไปอีกนาน เวลาล้างมีดก้อระมัดระวังหน่อยนะค้าบ

วันอาทิตย์ที่ 14  พฤศจิกายน 2004
วันนี้ก้อเป็นวันธรรมดาอีกวันนึง ที่ต้องนั่งทำการบ้านกองเป็นภูเขาไฟ
แต่พิเศษตรงที่วันนี้มีนัดกินก๋วยเตี๋ยวกันที่บ้านรุ่นพี่คนไทย
ดูละครไปด้วย เรื่อง แม่ครัวหัวเห็ด จากเทป ไม่รู้พี่เค้าเอามาจากไหน
ดูแล้วก้อขำดี สาวทอม กับ หนุ่มคุณชายจากเมืองนอก ซึ่งทั้งคู่ไม่ชอบพอกันเท่าไหร่
แต่โดนพวกผู้ใหญ่ บังคับให้แต่งงานกัน
อืมมม พล็อตเรื่องสุดคลาสสิค ตอนจบคงลงเอยกันด้วยดี
ก้อกินไปดูไป (บ่นไปขำไป) อิ่มหน่ำสำราญ ประมาณวันหยุดที่แสนสุข
แต่ผมไม่ค่อยสุขด้วยเท่าไหร่
การบ้านล่ะ การบ้านล่ะ ท่องอยู่ในใจ
กว่าจะกลับก้อปาเข้าไปสี่ทุ่ม
โอยยย พรุ่งนี้เรียนเต็มวันนะเนี้ย
อริสโตเติ้ล ช่วยลูกช้างด้วย

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2004
นั่งทำรายงานตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตีห้าครึ่ง!!
มีเรียนตอนเช้า ตั้งแต่เก้าโมง ต้องตื่นแปดโมง
เรียนเสร็จสิบเอ็ดโมง ทำแล็บต่อตอนเที่ยงครึ่ง อีกสามชั่วโมง
มีเวลาพักหายใจสิบห้าที ก่อนจะต้องเข้าฟังบรรยายพิเศษที่ต้องเขียนบทความส่ง
แล้วมีอีกวิชาภาคเย็น ห้าโมงสี่สิบห้า ถึงหนี่งทุ่ม
ไม่ไหวแล้ว วันมหาวิบัติเหนื่อยจริงๆ
โดดซะเรยวิชาสุดท้าย อาจานหัวไข่ดาวคงไม่ว่า
ขอกลับบ้านนอนหน่อยเหอะ
อยากจะบอกว่าพรุ่งนี้มีสอบสองวิชานะ
ยังไม่ได้อ่านเตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน 2004
วัดชะตาอีกครั้ง กะสองวิชาเดิม อ่านหนังสือไปวิชาละหนึ่งชั่วโมงก่อนสอบ
ไม่ต้องพึ่งปาฏิหาริย์ที่ไหน
หนูทำได้ เย้วววว
ทั้งสองวิชา
Advanced C Programing ได้ 46 / 50
Digital Logic Design ได้ 24 / 24
ปอประหลาดใจเหมือนกันที่ทำได้
เหตุอาจจะเป็นเพราะว่า อาจารย์ให้การบ้านเยอะ
และปอก้อต้องทำเองตลอดด้วย ถามใครก้อไม่ได้ เพราะพูดไม่ค่อยเก่ง
ไม่มีใครให้พึ่ง ไม่มีใครให้ลอก เหมือนตอนอยู่ที่เมืองไทย
ผลกรรมเลยตามทัน อืมม์
ที่จริงข้อสอบออกมาง่ายด้วยล่ะ จะคล้ายๆการบ้านที่ให้มา
เอาตัวรอดไปได้อีกครึ้งนึง
เคยคิดเหมือนกันว่า ฝรั่งเค้าไม่เน้นเรื่องการสอบเหมือนที่เมืองไทยเท่าไหร่
จะเน้นให้ทำการบ้านมากกว่า อย่างเวลาสอบงี้ ไม่มีการต้องมาจัดห้องสอบอะไร
เรียนห้องไหนหรือห้องเรียนตอนเรียนเป็นไง ตอนสอบก้อเป็นงั้น
ไม่มีคนที่คิดจะลอกหรือทุจริตเท่าไหร่ หรืออาจจะมีเยอะก้อได้ ผมไม่เห็น
อันนี้ก้อแปลกใจ ทำไมรู้สึกเหมือนไม่มีคนลอกกันน๊า
อยากให้เมืองไทยเป็นงี้มั่ง

วันพฤหัสที่ 18 พฤศจิกายน 2004
ผมทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตไปอะ…

ด้วยความไม่รู้เท่าถึงการ..

ผมทำผู้หญิงท้อง!!

ล้อเล่นน่า ^-^
แต่ผมพลาดไปแล้วจริงๆนะ
เผลอไปลบ Audio Driver เข้า
รู้ตัวอีกที โน๊ตบุ๊คปอก้อกลายเป็นใบ้ไปซะแล้ว

ห้องนี่ไร้สำเนียงเสียง
โลกมืดมัวลงในทันใด
เหมือนเสียงของชีวิตได้หายไป
เฝ้าตามหาชีวิตชีวาให้กลับมาอีกครั้ง

ออกมาเป็นกลอนเลยแฮะ
ทำไงดีๆๆๆ ฮือๆๆๆๆ โฮๆๆๆๆ
ก้อแค่อยากจัดระเบียบเครื่องใหม่ ลบโปรแกรมที่ไม่จบเป็น
จะได้ดูไม่รกหูรกตา มีที่จัดเก็บที่ว่างมากขึ้น
เท่านั้นละคับ
ตอนแรกนึกว่าเป็นโปรแกรม เล่นเอ็มพีสามอะไรอย่างนั้น
อันอินสตอลไปคงไม่มีปัญหาอะไร
อิอิ ก้อพึ่งรู้จักคำว่า Driver ก้อวันนี้แหละ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
โง่จริงๆเลยเรา
แต่ตอนนี้เสียงกลับมาแล้วฮะ
ใจหายวาบ ที่แท้ก้อแอบไปพักร้อนนี่เอง ฮุ้ๆๆ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน 2004
ขอโม้หน่อยๆๆ
ขอบอกๆๆๆ
วันนี้วันเดียวเขียนเอสเส่ สองเอสเส่ รวมทั้งสิ้นอย่างน้อย 1000 words แน่ะ
เย้เย้เย้เย้

วันพฤหัสที่ 26 พฤศจิกายน 2004
เมื่อวาน Thanks Giving Day วันที่ไก่งวงทั้งหลายจะต้องตาตื่นแตกฮือ
แต่วันนี้ เขาเรียก  Black Day อะไรเนี้ยแหละ ก้อคือวันหลังวันขอบคุณพระเจ้า
คนจะต้องแหกตาตื่นแทนไก่งวงแทน
เพราะวันนี้ตามห้างทั้งหลายจะลดกระหน่ำแบบไม่อั้นล้างสต็อก
ซีดีเปล่าห้าสิบแผ่นฟรี! หลังจาก rebate
ฮาร์ตดิส 160 GB ประมาณแค่ร้อยกว่าเหรียญเท่านั้น
ก้อพึ่งเคยเห็นคับ คนต่อคิวกันตั้งแต่ตีห้า ตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด
คนเยอะจริงคับ คิวยาวเป็นหางว่าว
ผมไปตอนห้างพึ่งเปิด
กองทัพหนอนกำลังเคลื่อนพลเข้าห้างพอดี
ช้อปปิ้งกันให้อุตลุต เต็มคับเต็มทุกที่ ของหมดเร็วมาก
ถ้ารอไปซื้อตอนกลางวัน ของดีดีคงไม่เหลือแล้ว
ผมก้อไปแย่งซื้อของกะเค้าด้วย หกห้าง ได้ของมาเพียบ
คนอื่นได้เพียบนะคับ ผมได้ถุงมือมาอันเดียว แหะๆ
ไม่รู้จะซื้ออะไรหนิ

ตอนกลางคืนมีเปิดไฟประดับต้นคริสมาสยักษ์ต้อนรับหน้าหนาวที่จะมาถึง
มีจุดพลุดอกไม้ไฟให้ดูด้วย
เหมือนเคยคับ ไปสายเลยอด
เห็นแต่ตอนเค้าเปิดไฟเสร็จแล้ว
อด อด อด ไว้ปีหน้าฟ้าใหม่ละกัน

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2004
หลังจากวันหยุดอย่างกับสวรรค์ ห้าวันในช่วงThanks Giving Day
ก้อต้องเผชิญกับฝันร้ายที่เลี่ยงไม่ได้
นั่นก้อคือเทศกาลสอบปลายภาคที่ตามมาติดๆ
กับการบ้านที่ทวีความรุนแรงขึ้น การบ้านเยอะอยู่แล้ว
แต่มันยากด้วยสิคับ การบ้านชิ้นนึง
ปกติใช้เวลาทำสี่ชั่วโมง คราวนี้ล่อไปสิบชั่วโมงยังไม่เสร็จ
มันแก้ไม่ได้โว้ยย เครียดๆๆ
คือถ้ามันได้ก้อโอเคนะคับ อันนี้นี่นั่งเฉยๆหน้าจอคอม
เกาหัวเกาคางแกร๊กๆ เป็นชั่วโมงๆ
ลองคิดดูสิคับนั่งอยู่บนโต๊ะทั้งวันน่ะ
เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน เรียนเสร็จกลับมาทำการบ้าน
ก่อนเข้าสัปดาห์สอบมีการบ้านค้างรอส่งอยู่ประมาณเจ็ดอัน
เครียดหนัก ขนาดรู้สึกเหมือนตัวเองถูกตัดขาดออกจากโลก
มีตัวตนอยู่แต่ในห้อง

การบ้านชิ้นที่ลำบากสุดก้อคือต้องเขียนแล็บโน๊ตบุ๊ตครับ
คือต้องเขียนสรุปขั้นตอนวิธีการทำการทดลองทั้งหมด เจ็ดแล็บ(ทั้งเทอม)
รวมทั้งทำแบบฝึกหัดก่อนและคำถามท้ายการทดลอง ต้องมีทำภาพประกอบอีกตังหาก
ทำสั่วๆก้อไม่ได้ซะด้วย เพราะวิชาแล็บตัวนี้ ปอได้คะแนนแย่ที่สุดในห้องมาตลอด
พอดีทำรายงานไม่เป็น โดนหักคะแนนไปเยอะ
เหลือเวลาทำเพียงแค่หนึ่งอาทิดกะอีกสองวันก่อนกำหนดส่ง
แล้วการบ้านอันอื่นอีกล่ะ อ้าาากกก
อ่านหนังสือสอบอีกล่ะ อ้าาากกก
วันกำหนดส่งก้อคือวันเดียวกับวันสอบนั่นแหละคับ

ผมมีกำหนดการสอบดังนี้คับ
วันแรก มฤตยูร้าย ศุกร์สิบสามฝันหวาน เอ้ยไม่ใช่
วันจันทร์ที่สิบสาม สอบสองตัวเช้ากะบ่าย + ส่งการบ้านอีกสามอันตอนสอบ
วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์ สอบอีกวันละตัว
รวมหกตัวห้าวัน

เอ้ย
มีอะไรผิดพลาดรึป่าวเนี้ย ไม่มีวันหยุดเลยเรอะ
จะฆ่ากันเรอะ
ตายๆๆๆ ระบบฝรั่งมันเป็นงี้นี่เอง

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2004
มรสุมโถมกระหน่ำเข้ามาไม่หยุด
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆคับ
หนาวถึงขั้นเย็นยะเยือก
ลมพัด เกิดเสียงหวืดๆที่ข้างหู
ยิ่งพัดก้อยิ่งหนาว
หู นี่ชาจนแบบเจ็บแปล๊บๆเลยคับ
ในที่สุดหิมะก้อตก โปรยปรายจากท้องฟ้า
ตอนแรกคิดว่าหิมะเหมือนกับก้อนน้ำแข็ง
แต่นี่เป็นเหมือนกระดาษโฟมมากกว่า เบาและนิ่ม
เป็นละอองเล็กๆ ปลิวว่อนไปตามทิศทางลม
พอแตะมือปุ้บก้อละลายหายไป
หิมะยังตกไม่หนักมาก
แต่บันดาลให้ผู้คนต้องหลบอยู่ในบ้าน
ส่วนผมยังต้องฝ่ากระแสลมหนาวไปเรียนตามปกติ
พร้อมกับพ้นควันออกมาทางปากโดยไม่ต้องสูบบุหรี่
อิอิ เจ๋งแฮะ สนุกดี
จะป่วยเป็นหวัดมั้ยเนี้ย…

ขมักขเม้นทำแล็บโน๊ตบุ๊คมาร่วมอาทิตย์ ในที่สุดก้อเสร็จจนได้
จนถึงวันนี้ยังไม่ได้อ่านหนังสือสักตัว
มีเวลาไม่มากที่จะอ่าน กลับได้รับอีเมลล์ด่วน
ขอความช่วยเหลือจากพ้าร์ทเน้อร์แล็บ
บอกว่าไม่เข้าใจแล็บเลย และให้ช่วยเรื่องทำรายงานหน่อย
ผู้น้อยจึงจำเป็นต้องเบิ่งออกจากหอ ออกเดินทางทำการกู้ภัยพ้าร์ทเน้อร์ตัวน้อย
ที่เทือกเขาห้องสมุดที่อยู่ห่างไกลออกไปสามสิบนาทีเดินเท้า
สภาพอากาศย่ำแย่ ท้องฟ้ามืดสนิท ผู้คนจางหาย เหลือเพียงเสาไฟส่องทางโดดๆเท่านั้น
ถึงจะเลวร้ายเพียงไรก้อต้องสวมใจฝ่ายธรรมะพุ่งเข้าช่วยเหลือ
อย่างที่บอก วิชาแล็บนี่ผมได้คะแนนน้อยมาก ไม่ทำไม่ได้
สะพายเป้ จ้ำอ้าว มุ่งสู่เทือกเขาห้องสมุด มือสวมถุงมือที่พึ่งได้มาใหม่
แต่นแต้น เจ้าชายขี่ม้าขาวมาแล้ว
เอ่อ แล้วพาร์ทเนอร์ไปไหนล่ะคับ ปรากฎว่าพอไปถึงกลับไม่เจอเสียนี่
รู้อีกทีนั่งรถกลับบ้านไปแล้ว
เศร้าอีกแล้วคับทั่น คลาดเคลื่อนกันไปเพียงเล็กน้อย
พ้าร์ทเน้อร์ท้อใจรอไม่ไหว ทิ้งภาระกลับไปก่อน
รู้ดังนั้น ปอเลยเล่นหมากรุกย้อมใจ เสียเวลาไปอีกสามชั่วโมง
ไม่คิดคำนึงถึงการสอบที่จะมาถึงเลย..
พรุ่งนี่สอบแล้วนา

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2004
วันนี้หิมะยังตกอยู่เช่นเคย เหมือนฟ้าจะร่ำไห้เป็นหยดน้ำตาสีขาว
แทนชะตากรรมเบื้องหน้าที่ต้องเผชิญ
แต่การบ้านทุกอย่างสามารถจัดการให้เสร็จเรียบร้อยทันเวลา
สอบตัวแรก
ESL For Academic Purposes II
เขียนเอสเส่ไปแบบรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก้อโอเคละน่า
สอบตัวที่สอง
Electronic Devices & Design Lab หรือวิชาแล็บที่พูดถึงนั่นเอง
ตัวนี้ยากโคตร แบ่งเป็นสองส่วน  ส่วนคำนวณ และส่วนเนื้อหา
ส่วนคำนวณพอทำได้ แต่ส่วนเนื้อหาทำไม่ได้เลย เว้นว่างไปหลายข้อ
ขนาดมั่วยังมั่วไม่ออกลองคิดดู
จะเอฟก้อทีนี้แหละ เฮ้อ

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2004
สอบตัวที่สาม
Fundamental of English อาจานวิชานี้ใจดีคับ
ออกข้อสอบง่ายมาก แต่งานเยอะชะมัด

วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2004
สอบตัวที่สี่
Linear Circuit Analysis II
อาจานหัวไข่ดาวสอนวิชานี้คับ แบบว่าเวลาสอน สอนตามหนังสือเปี้ยบ
แต่พอตอนสอบย่อยครั้งแรก
ออกประยุกต์สุดๆ มหากาพย์พลังพลิกโลกยาก
ออกมาค่าเฉลี่ยของห้องอยู่ที่ 17 / 40
หลังจากสอบครั้งแรก อาจานเค้าก้อมาพูดใหญ่เลยคับ
ว่าผิดหวังมากๆ ไม่นึกว่าจะทำกันไม่ได้ พูดแล้วพูดอีกว่า so disappointed
ครั้งหน้าเค้าอยากให้นักเรียนทำได้ดีกว่านี่
พอมาถึงสอบย่อยครั้งที่สอง
นักเรียนเตรียมกันมาอย่างดี ความมั่นใจเต็มเปี่ยม
แถมอาจานพูด ก่อนว่าคิดว่าไม่ยากจนเกินไป ความมั่นใจยิ่งเพิ่มพูน
พอเปิดข้อสอบออกมาปุ้บ โฮลี่จอร์จจ นี่หรือเมืองพุทธ
ข้อสอบมันยากมากครับ ในห้องสี่สิบคน เงียบสนิท มีเสียงถอนหายใจเป็นห้วงๆ
ได้ผลคับ คะแนนเฉลี่ยของห้องคราวนี้อยู่ที่ 11 / 40
หลังจากสอบครั้งที่สอง เหมือนเดิมคับ
อาจานก้อออกมาทำหน้าเครียด
"I am so disappointed" กรูว่าแล้ววววว
ก้อมีการพูดคุยกับนักเรียนกันเป็นขนานใหญ่ ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
นักเรียนในห้องเห็นพ้องต้องกันว่าข้อสอบประยุกต์เกินไป
แต่อาจานก้ออธิบายว่า ถ้าเข้าใจเบสิกคอนเซ็ปท์จริงๆ ก้อต้องทำได้สิ
สุดท้ายอาจานก้อสอนแนวเดิม คือสอนแบบง่ายสุดๆ ตามหนังสือเป๊ะ
ข้อสอบไม่เป็นงั้นน่ะสิ

ถึงการสอบปลายภาค..
พระเจ้าขนมไข่ทอด!! นี่มันง่ายสุดๆหนิ
เป็นอันว่า ปอก้อรอดตัววิชานี้ไปอีกตัวนึง
พอลองกลับมาคิดดู ที่ข้อสอบปลายภาคออกมาง่ายน่าจะเป็นเพราะว่า
ระบบการศึกษาที่นี่มี การให้คะแนนอาจานผู้สอนกันอย่างจริงจัง
คือมีทุกวิชาและมีการโหวตอาจานที่สอนดีที่สุดด้วย
กลยาเป็นว่าอาจานคนไหนให้เอฟมากๆ มีสิทธิโดนไล่ออกได้
เอิ้ก นักเรียนเป็นใหญ่แฮะ
แต่อย่าลืมที่นี่ไม่ค่อยเน้นเรื่องการสอบนะ

วันพฤหัสที่  16 ธันวาคม 2004
สอบตัวที่ห้า
Advanced C Programming ผมเก่งคับวิชานี่ เอมาแน่

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2004
สอบตัวสุดท้าย
Digital Logic Design ผมไม่เก่งคับวิชานี่ ทำไม่ได้ เอฟมาแน่
เฮ้อ จบซะที สอบ
หลังจากวันนี้ก้อไปเล่นเกมลืมวันลืมคืน
ใช้ชีวิตช่วงปิดเทอมให้เต็มที่
เดี๋ยวจะได้ไปเที่ยวเท็กซัสแว้ววว

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2004
ตอนนี้ผมอยู่เมือง ฮูสตั้น  รัฐเท็กซัสงับ
ผมก้อได้มาเที่ยวอดีตจุดปล่อยจรวด ออกนอกโลกที่
NASA’s Johnson Space Center วะฮะฮะฮ่า
ก้อมาดูว่านาซ่ามีอะไรกันมั่ง ที่เค้าจัดแสดงก้อเป็นเรื่องของอดีตการปล่อยจรวดเป็นไง
ไปดูห้องบังคับการตอนที่คนขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ได้
ไปดูชุดนักอวกาศ ไปดูสระน้ำขนาดยักษ์เอาไว้จำลองสภาพไร้น้ำหนัก
เวลานักบินต้องไปประกิบกระสวยอวกาศนอกโลก
ไปฟังบรรยายว่านักอวกาศอยู่ยังไงในสภาพสูญญากาศ
อย่างตอนนอนก้อต้องมีอะไรผูกไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวลอยหัวโป้งเหน่ง
เวลาอาบน้ำ เขาให้น้ำแค่หกถ้วย เพราะว่าในอวกาศไม่มีบ่อน้ำให้ตักที่ไหน
น้ำจะเป็นน้ำรีไซเคิ้ลทั้งหมด
อาจจะรู้สึกแปลกๆไปบ้างถ้ารู้น้ำดื่มมาจากปัสสาวะตัวเอง
เวลาปลดทุกข์ก้อจะเป็นระบบดูดทั้งหมด ถ้าไม่ใช้ระบบดูด
เดี๋ยวก้อนขี้จะลอยมาติด ก้นตัวเองอีก
ฮะฮะ ฟังแล้วเหมือนจะดี แต่น่าเบื่อจังแฮะ
ดูดิสคัฟเวอรี่อยู่ที่บ้านยังดีกว่า
อ้ะ นั่น สาวเสื้อแดงๆ
หูวว น่ารักจังเยยยย ค่อยน่ามาขึ้นหน่อย อิอิอิ
ครับก้อพยายามแอบถ่ายรูปนะคับ แต่ก้อไม่สำเร็จสักที เลยไม่มีรูปมาฝากกัน
ถ้าถ่ายได้จะหาว่าโรคจิตอีก ไม่ถ่ายน่ะดีแล้ว
ถ้าได้มาเป็นพนักงานที่นี่ก้อดีนะคับ
ขนาดคนขายของกิฟท์ช้อป(ไม่ค่อยสวย) ยังใส่ชุดนักบินอวกาศเลย
ร้านอาหารที่นี่ก้อยังปรับเปลี่ยนไม่เหมือนใคร
มี โซล่าสลัดขายด้วย ไม่รู้เป็นไง กินแล้วบินได้รึป่าว
ที่จริงเขาบอกว่านักบินอวกาศก้อกินของเหมือนๆเรา ใช้ช้อนใช้ส้อมเหมือนกัน
ทำไมมันมีข้าวผัดนาซ่าหว่า
ไปเที่ยวครั้งนี้หมดไปไม่น้อยทีเดียว เจ็ดวันหกคืน
570เหรียญคับ

วันที่ 31 ธันวาคม 2004
ตั้งแต่กลับมาเที่ยวเท็กซัสวันที่ 21-28
ก้อมาพักที่บ้านเพื่อนต่อ ยังไม่ได้กลับหอตัวเองเลย
ที่น่าเสียดายคือหิมะหยุดตกแล้ว และก้อละลายเกือบหมด
หิมะที่เหลืออยู่ก้อกลายเป็นหิมะเน่าซะอีก (เปื้อนดินโคลนฝุ่น กลายเป็นก้อนสีดำๆ)
ยังไม่ทันจะได้ปั้นตุ๊กตาหิมะเล้ยย
ตุ๊กตาหิมะเบสิกไป
ต้องปั้นกำแพงเมืองจีนมีโดเรม่อนกระโดดข้ามมั่ง
หรือจะเป็นอังปังแมนทำท่าบินมีไม้เสียบอยู่ที่พุง หึหึหึ
อยากปั้นบ้างละเซ่
แต่เรื่องนี่ไว้คิดทีหลังคับ
มีโจทย์ที่ยากกว่านั้นอีก

ผมต้องซื้อของขวัญวันปีใหม่อ้าาาา
ต้องไปจับฉลากแลกของขวัญวันปีใหม่อ้าาา
คิดว่าหลายคนคงเจอปัญหาแบบนี้บ้างเหมือนกัน เลือกซื้อขวัญ
คิดหนักเลยนะ เกิดมายังไม่เคยเลือกซื้อของขวัญให้ใคร
อะไรที่มันดีๆมีคุณค่ามั่ง ไม่ซ้ำใคร ให้แล้วคนอยากได้ มีประโยชน์ อืมมม
คิดออกแต่ หนัง ซีดีเพลง หนังสือ ของพวกนี้จะไม่ซ้ำกะของที่มีอยู่แล้ว
แต่รู้สึกมันสิ้นคิดไปหน่อย
ไปเดินดูในห้างคับ มีอะไรพอจะเป็นของขวัญได้บ้าง ช่วยเลือกหน่อยจิ

1. หม้อไว้สำหรับต้มสปาเก็ตตี้ เทน้ำออกง่าย ราคาเหมาะสม
2. ชุดมีดเครื่องครัวครบชุด สามสิบกว่าชิ้น
3. ถุงนอน ไว้สำหรับตอนเดินทางไปไหนมาไหน ดูใหญ่ดี
4. ต้นไม้ปลอม ไม่ป่วย ไม่ไข้ เวลาอากาศหนาวๆ
5. หมอนหนุนรูปตัวยู ไว้สวมคอหลับนอน
6. เทียนกะน้ำมันหอม ไฟดับแล้วมีประโยชน์
7. อื่นๆใดๆ

ปอเลือก หมอนหนุนคอคับ เพราะว่ามันทำเป็นตุ๊กตาแมวด้วย มีประโยชน์ น่ารัก ฮุ้ๆๆ
แถมคนอื่นเค้าคงไม่มีกัน หม้อ ชุดมีด ถุงนอนคนอื่นเค้าคงมีกันหมดแล้ว
ต้นไม้ก้อไม่รู้ไว้ทำไร อันนี้แหละดีสุด

ใครซื้ออะไรให้เป็นของขวัญใครก้อบอกกันบ้างนะคับ
จะได้ไว้เป็นไอเดียเวลาเลือกซื้อขวัญคราวหน้าบ้างง้าบ

และแล้วก้อถึงปาร์ตี้เค้าดาวน์ในตอนค่ำ
คนมาตั้งมากมาย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ อิ่มหน่ำสำราญกันไป
พุดคุย เฮฮา ครื้นเครง
ปีนี้ไม่เหมือนทุกปี ปีหน้าคงจะมีอะไรใหม่ๆ
เพราะปีนี้ผมไม่ได้นั่งนับถอยหลังคนเดียวอีกแล้ว…
ปีก่อนๆได้แต่นอนอืดอยู่บ้านดูทีวี เห็นคนอื่นเค้านับถอยหลังกัน
จบปีไปแบบเดียวดาย และแสนจะธรรมดา
แต่ปีนี่มีคนมานับถอยหลังกับผมตั้ง 17 คนแน่ะ
น้ำตามันอยากจะไหล

นับถอยหลังพร้อมๆกันนะคับ
10..
9..
8..
7..
6..
5..
4..
3..
2..
1..

.สุขสันต์วันปีใหม่ทุกคนครับ

<< ตอนที่แล้ว ||

Categories: Hippo's Journal

Hippo in US – ฮิปโปสอบกลางภาค

July 1, 2009 1 comment
สวัสดีครับ

เช้าวันนี้ เช้าวันที่ 22 ตุลาคม 2004
ตื่นขึ้นมาพร้อมกะท้องฟ้าครึ้มๆ ไม่มีแสงแดด
มันไม่ค่อยมีแดดมาหลายวันแล้วล่ะคับ
พื้นถนนก้อเปียกๆ ปูเต็มไปด้วยใบไม้แห้งสีแดงส้มที่หลุดร่วงจากต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง
ช่างเหมาะกะอารมณ์เปล่าเปลี่ยวหัวใจยิ่งนัก

หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายของการสอบกลางภาคมาแล้ว
เดี๋ยวนี้จะตื่นเช้าแทบทุกวัน ตีห้า หกโมง เจ็ดโมง
ตื่นขึ้นมาเปิดโคมไฟสีเหลือง เปิดเพลงคลอ นั่งทำการบ้านเงียบๆ
ที่ตื่นเร็วก้อเพราะว่า…ใช่คับ ผมตื่นสายบ่อยๆ
แต่มันไม่ใช่แค่นั่นสิคับ
ผมตื่นสายวันสอบ…
เท่ มั้ยล่ะ ฮะฮ่า
เศร้า T_T
เลยต้องจัดตารางเวลาใหม่ นอนให้เร็วตื่นให้เช้า เฮ้อ

วันนั้น จะต้องส่ง writing project และไปต้องเขียน writer’s statement ที่ห้องสอบ
เลยนั่งเขียน writing project จนถึงดึก 
จนเป็นเรื่องไงคับ คลาสเริ่มสอบเก้าโมงครึ่ง ตื่นซะเก้าโมงครึ่ง
ตื่นเวลาเดียวกับเวลาสอบเลย เป็นคนตรงเวลาซะไม่มีเลยเรา
ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่กลางหลังจะเย็นยะเยียบ เม็ดเหงื่อก้อพุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ออกตัว สตาร์ทเครื่อง เปลี่ยนเกียร์ วิ่งแจ้นไปด้วยรองเท้าแตะคู่เก่ง (คนมันไม่มีรถหนิคับ)
แทนที่จะต้องวิ่งไปห้องสอบเลย ก้อยังวิ่งไปทันทีไม่ได้คับ
ต้องไปปริ้นท์งาน writing project ที่ห้องสมุดก่อนอีก
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าคอมห้องสมุดช้า
กว่าจะไปสอบก้อปาเข้าไปสิบโมงแล้ว ตายแน่ๆ
ไปถึง หอบหายใจเป็นควันในสภาพหัวกระเซิงๆ เหอเหอ
โชคดีที่อาจานยังให้สอบอยู่
writer’s statement เค้าให้เขียนสี่สิบห้านาทีคับ
แต่ผมมีเวลาเขียนแค่สิบห้านาที !!!
แถมต้องเสียเวลานั่งหอบก่อนอีก คนมองกันใหญ่เลย
แหะแหะแหะ

นั่นเป็นวิชา Fundamentals of English
รู้สึกว่ามีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นกะผมตลอด
เป็นความรู้สึกที่ว่าไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ก้อไม่มีทางสำเร็จ
คงเคยรู้สึกกันว่ามันเป็นยังไง
ลองมาดูสถานการณ์ของผมในวิชาอื่นกัน

ต่อมาวิชา Digital Logic Design วิชานี้เตรียมตัวมาอย่างดี
ทำการบ้านด้วยตัวเอง
เสียเวลาไปเจ็ดแปดชั่วโมงสำหรับการบ้านชิ้นหนึ่งๆ
นั่งทำความเข้าใจ อ่านหนังสือ พร้อมก่อนสอบโดยไม่ต้องอ่านทวน
สบายมาก เบบี้
แต่ถึงเวลาสอบ ทำไม่ได้อะ แง๊ๆๆๆๆ
ทำไมข้อนี้ไม่เคยเจอมาก่อนอะ ไม่เห็นรู้เรื่อง
ที่จริงก้อคือ อาจานออกข้อสอบ บทที่สี่บทที่ห้า
แต่ผมเข้าใจว่าสอบบทที่สามกับบทที่สี่
สรุปคือ ทำได้แค่ครึ่งนึงเอง อืมมมม

วิชาต่อไป เป็นอังกิดอีกตัวนึง ESL for Academic Purposes II
ข้อสอบไม่ยากมาก ครึ่งนึงเป็นข้อสบแกรมม่า อีกครึ่งนึงให้เขียน essay
ไอตัว essay  นี่ให้เขียนอย่างน้อยห้าร้อยคำ แต่ให้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง
ปกติผมจะเขียนย่อหน้านึงประมาณสามชั่วโมง งัมงัม
แบบนี้ใครจะไปทำทัน
"อ้ะ เดี๋ยวซี่ ใจเย็นๆๆ" คิดกะตัวเองเมื่อปอหันไปมองคนข้างๆ
คนข้างๆที่สอบด้วยเค้าเขียนไปขึ้นหน้าสามแล้ว
หันหัวไปมองอีกด้าน
โอ้ คนนี้เขียนยาวเป็นพรืด
ตะแคงไปมองแนวทแยง
อา อู้  อู้อี้อู้อี้ (พูดไม่ออก)
หันมาดูของตัวเอง
เกือบๆจะกระดาษปล่าวทำไมมันโล่งงี้นะ อ้ากกกก
คุณทำดีที่สุดแล้ว ไว้อาลัย
เขียนได้ ประมาณร้อยห้าสิบคำครับ จากที่โจทย์สั่งห้าร้อยคำ
น้ำตาตกไปอีกวิชา

ต่อกันที่ Linear Circuit Analysis II
อ่านหนังสือไปไม่แน่นพอ
ข้อสอบดันออกตรงที่ไม่ได้อ่านไปพอดี ซวยสุดๆ
ทำไม่ทันอีกตังหาก
แต่ไม่เป็นไร วิชานี้ยาก คะแนนเฉลี่ย อยู่ที่ 45%
ผมได้ 52.5%

วิชา Electronic Devices and Design Lab อันนี้ไม่มีสอบ
แต่มีส่งรายงาน
ทำรายงานไม่เป็น ไม่รู้รูปแบบ ตอนทำแล็บยังไม่รู้เรื่องอีกตังหาก
ได้ต่ำที่สุดในห้องเลยฮะ
 
สุดท้าย Advance C Programming
อาจานเค้าให้จดเนื้อหาเข้าห้องสอบได้หนึ่งแผ่น
แต่ผมไม่ได้จดไป ลืม!!! โฮๆๆๆๆ
คือแบบมันมีเขียนไว้ใน syllabus อยู่แล้วว่าเอาเข้าได้
เพียงแต่อาจานเค้าไม่ได้เตือนอีกทีตอนก่อนหน้านั้น
เซ็งหนัก
เฮ้อ~~~
แต่ทว่า ผมน่าจะได้เต็มวิชานี้นะ เอิ้ก
ทำได้วิชาแรกจ้าาา
อะไรอะไร มันคงไม่แย่ไปตลอดหรอกเนอะ

วิชาอังกิดสอง ได้คะแนนไม่แย่อย่างที่คิด อยู่ในระดับโอเค
ที่เขียน writer’s statement สิบห้านาที ได้ 17 / 25
เพียงแต่คะแนนการเตรียมตัวจัดรูปแบบของ writing project ได้แค่ 1 / 10
ส่วน ที่เขียนไปร้อยห้าสิบคำในอังกิดตัวที่สองก้อได้ 68 / 75
อันนี้คงเป็นเพราะว่าอาจานใจดีมากๆ แต่คราวหลังทำอีกคงไม่ไหว
คะแนนยังไปได้ แต่เทอมนี้คงจะไม่ได้เยอะ
สู้ต่อไป คาเมนไรเดอร์  \(^-^)/

มาถึงเรื่องความเป็นอยู่ดีกว่า
ถามว่าเวลาว่างทำอะไร
ทำการบ้าน แล้วก้อ…
ทำการบ้านอีกอันนึง เสร็จแล้วก้อ..
ทำการบ้านที่เหลืออีกอันนึง แล้วจึงค่อยไป…
ทำการบ้านที่จ่อคิวแล้วโดนลัดคิวมาทำต่อ จากนั้นก้อ..
ทำการบ้านที่ลืมไปว่าอาจานสั่งไว้ตั้งแต่อาทิดที่แล้วต้องส่งพรุ่งนี้ พอเสร็จปุ๊บก้อ…
เอ่อ ตายดีกว่าแฮะ
จะมีก้อวันอาทิตย์ละคับที่ได้ออกจากหอ
ไปซื้อของช้อปปิ้งเติมเสบียง เติมพลังให้พร้อมสำหรับการบริหารสมองในวันถัดไป

ร้านขายของของเค้าจะประมาณโลตัสบ้านเรา คือแบบมีชั้นเดียวแต่จะกว้างๆใหญ่ๆ
ที่พิเศษก้อคือจะมีป้ายแปะสีเหลืองแสดงของลดราคาเต็มไปหมด
ล่อให้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เห็นของถูกให้ซื้อ
ซึ่งมันก้อได้ผลจิงๆ ปอไปซื้อเลยคับ ของถูกๆๆๆๆ
เวลาช้อปจะดูเหมือนคนโรคจิต
เล็งหาแต่ป้ายสีเหลือง ประมาณว่า สีเหลืองอยู่ไหน ของอย่างอื่นมองไม่เห็นหมด
แฮ่ร์(โรคจิต)
 
ของที่จะซื้อเป็นประจำ ก้อจะมีไก่ไข่หนม
แต่ก่อนไม่เคยดูเลยว่า ของที่ซื้อมีน้ำหนักเท่าไหร่ ให้พลังงานกี่แคลลอรี่
ราคาต่อน้ำหนักกรัมเท่าไหร่
เดี๋ยวนี้คำนวณตลอดฮะว่าคุ้มมั้ย
ขนาดข้าวหอมมะลิยังคำนวณเลยว่ากินครั้งนึงเสียตังเท่าไหร่
อย่างที่ซื้อไก่เนี้ย เพราะว่ามันคุ้มสุดแล้ว ถ้าเป็นเนื้อจะประมาณปอนด์ล่ะสองเหรียญ
แต่ไก่ปอนด์ล่ะเก้าสิบเซนต์ ซื้อใหญ่เลยคับ
อาทิตย์นั้นก้อจะกลายเป็นอาทิตย์แห่งไก่ เพราะว่ากินไก่ทั้งอาทิตย์เยย
ไข่ก้อถูกคับสิบสองฟองเหรียญนึง
ส่วนขนมอันนี้เอาไว้แก้หิวตอนอยู่ดึกๆ
กำลังกลัวอยู่ว่าจะอ้วนมั้ย อิอิ

ก้ออย่างที่บอกคับอาหารการกินตามร้านอาหารที่อเมริกาแพงมาก
เลยซื้อของมาทำกินเองที่หอจะมันถูกกว่ามาก
แถมตอนนี้มีน้องตรอนเป็นกุ๊กมาช่วยสอนทำอาหารด้วย
แต่ส่วนใหญ่เป็นอาหารแบบง่ายๆ เอามาจากกระป๋องซะส่วนใหญ่
อาหารที่กินก้อมีหลากหลายคับ
สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ขนมจีนซอสแกงเขียวหวาน
ข้าวญี่ปุ่นราดแกงกะหรี่ ข้าวผัดมันกุ้ง
ผักดอง กระหล่ำปลีดอง ถั่วเขียว ข้าวโพด บร้อคโคลี่
บะหมี่กรอบ มาม่าต้มยำ ผัดผัก
ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่คน
ไก่อบ ไก่ต้ม ไก่ทอด ไก่หมัก ไก่สับ ไก่กุ้กกุ้ก
หน้าจะเป็นไก่อยู่แล้น

ที่พูดมานี้กะให้เพื่อนที่อยู่อังกิดอิจฉาเล่นๆคับ
ค่าใช้จ่าย + ค่ากินก้อประมาณ สามสิบเหรียญ(พันสองร้อยบาท)ต่ออาทิตย์
ค่าหอสี่ร้อยห้าสิบเหรียญต่อเดือน มีอินเตอเน็ตความเร็วสูงเล่นด้วย
ค่าไฟประมาณยี่สิบเหรียญต่อเดือน 
รู้สึกว่าคนที่อยู่เมืองไทยจะใช้ตังเยอะกว่าผมนะ จิงมะ (ไม่นับค่าหอนะ)
ได้ข่าวว่า คนที่เรียนอยู่อังกิดค่าใช้จ่ายอาทิตย์ล่ะ อย่างน้อยเจ็ดสิบปอนด์
อันนี้ก้อพูดให้อิจฉาเล่นๆอีกนั่นแหละ
กัดนิดนึง หึหึ
ย้ายมาเรียนอเมริกาเร้วววว

ก่อนจะจากมีปัญหาคาใจอยู่นิดนึงใครรู้ช่วยบอกที >_<

ข้อหนึ่ง(10 คะแนน)
เวลาที่นี่อากาศหนาวๆ พอจับเก้าอี้ ส่วนที่เป็นเหล็ก
ทำไมมันช้อตล่ะคับ แปลกจิงๆ ไม่ได้ต่อกะสายไฟหรือว่าอะไรเลย
แค่ตั้งไว้เฉยๆบนพรม
คิดว่าเป้นเพราะหลักวิทยาศาสตร์ข้อไหนเอ่ย
ผมวิดวะไฟฟ้าไม่รู้จิงๆ

ข้อสอง(5 คะแนน)
ทำไมเวลาทอดไก่ในน้ำมันร้อนถึงมีอะไรกระเด็นออกมา
ที่กระเด็นออกมาเป็นน้ำหรือว่าน้ำมัน
เพราะอะไรถึงกระเด็นได้
*ข้อสังเกต เวลาต้มไก่ในน้ำร้อน ในตัวไก่ก้อมีน้ำมันไหลออกมา แต่ทำไมมันไม่กระเด็น*
ข้อนี้ผมก้อคิดหนักพอจะสรุปบางอย่างได้แต่ไม่แน่ใจ
ขอความคิดเห็นผู้รู้

ข้อสาม(20 คะแนน)
เวลาทำอาหารที่หออะคับ พอทำนานๆ หรือว่า อบไก่ในเตาอบ
ไอตัวสัญญาณเตือนไฟไหม้ที่ติดอยู่บนเพดาน มันดังง่ายมาก
ทำให้สูญเสียอรรถรสในการกินอาหารเป็นอย่างมาก
คำถามก้อคือว่า ไอสัญญาณตัวนี้มันทำงานอย่างไร
ปอได้ทำการทดลองเอาถุงพลาสติกไปครอบตัวสัญญาณและปิดด้วยสก็อตเทปอย่างมิดชิดแล้ว
ตัวสัญญาณก้อยังดังอยู่ดี
เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า เจ้าตัวนี้มันตรวจจับควันหรือว่าตรวจจับความร้อนกันแน่
ถึงอย่างไรก้อตาม ตรวจจับความร้อนไม่น่าจะใช่ เพราะว่าได้ลองเอาน้ำแข็งไปรม
ให้มันหยุดดัง ก้อยังไม่ได้ผลอยู่ดี
เลยตั้งสมมุติฐานขึ้นมาว่า
-ควันสามารถทะลุผ่านถุงพลาสติกได้
-หรือตัวที่ส่งเสียงดังไม่ใช่ตัวตรวจจับ ตัวตรวจจับถูกซ่อนเอาไว้ที่อื่น
-ตัวสัญญาณทุกตัวในห้องเชื่อมเข้าหากันหมด เพราะว่าผมเอาถุงปิดแค่สามตัวเท่านั้น
มีอีกสองตัวที่ไม่ได้ปิด
ปอคิดจนสมองแทบทะลักก้อไม่สามารถหาคำตอบได้
ครั้งนี้อิกคิวซังยังต้องจนปัญญา
ช่วยผมคิดหน่อยสิคับ ทำยังไงดี

อืมมม ตอนนี้ผมก้อสบายดีนะ
ภาษาอังกิดก้อพอไหว
สิวขึ้นเพียบ กินช็อคโกแล็ตเยอะไปหน่อย
ผิวแห้งมากๆ กินแต่น้ำเปล่า
น้ำไม่ค่อยได้อาบ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้
อากาศหนาวววว บางวันแค่ออกไปทิ้งขยะหน้าหอ ยังตัวสั่นงกๆเลย
แต่บางวันก้อไม่หนาว มันสลับไปสลับมา
ได้ออกกำลังกายเยอะเลย เพราะว่าต้องเดินไปเรียน
ครั้งละยี่สิบนาที ถ้าตื่นสายก้อต้องวิ่งไป
วิ่งก้อดีไปอีกแบบ เป็นการวอร์มร่างกายต้อนรับหน้าหนาว
แล้วก้อไปคุยกะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว
ว่าเทอมหน้าจะเรียนอะไร ผมเปลี่ยนภาค จากภาคไฟฟ้า เป็น ภาคคอมแล้วนะ
รู้สึกเรียนไฟฟ้าไม่ไหวจิงๆ คะแนนไม่ดีมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว
อีกอย่าง พึ่งรู้ว่าเวลาซักถุงเท้า ต้องใส่น้ำยาฟอกขาว ฮ่าๆๆ

ครั้งนี้เขียนไม่ยาวเนอะ ไม่มีเรื่องจะเขียนแล้วอะ
อย่าลืมตอบคำถามมาละกัน
บายค้าาาาาาาบบบบ

<< ตอนที่แล้ว || ตอนถัดไป >>

Categories: Hippo's Journal